top of page

(รีวิว) เที่ยวเฉิงตูและฉงชิ่ง

  • Writer: Fah Chana
    Fah Chana
  • Jun 4, 2020
  • 1 min read

วันนี้เรามาเขียนรีวิวสนุกๆกันเกี่ยวกับการไปเที่ยวเฉิงตู (成都)และฉงชิ่ง (重庆) สองเมืองน่าเที่ยวของประเทศจีนกันค่ะ


重庆 ฉงชิ่ง

การเดินทางของเรานั้นเดินทางจากเมืองเซี่ยงไฮ้มาอีกทีหนึ่ง ซึ่งก็คือนั่งเครื่องบินมาค่ะ มากับเพื่อนที่บินมาจากปักกิ่งแล้วมาเจอกันที่สนามบินฉงชิ่งก่อน จากนั้นก็เรียกแท็กซี่ไป check-in ที่โรงแรม (ไปผิดโรงแรมด้วย ชื่อเดียวกันแต่คนละสาขา) เมื่อเราเช็คอินทุกอย่างเรียบร้อยก็เริ่มออกเดินทางกัน


磁器口老街 ถนนโบราณสื่อชี่โข่ว

ree

เป็นถนนเก่าเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมของเมืองฉงชิ่ง การเดินทางมานั้นเรานั่งรถไฟใต้ดิน (แต่ก็มีบางส่วนที่อยู่บนดิน เหมือนกับสถานีที่นี่) เมื่อมาถึงแล้วจะมีป้ายคอยบอกว่าเดินทางไปที่ถนนนี้ยังไง แต่พูดจริงๆไม่ต้องดูป้ายก็ได้ ตามหมู่คนไปได้เลย ส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปทางเดียวกันหมด เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเค้าก็จะมีป้ายให้อ่านก่อนเข้าไปในตัวถนน มาอ่านกฎของที่นี่กัน บางอันก็ตลกดี

ree

เช่น กรุณาอย่าไปถ่ายรูปกับฝรั่งโดยไม่ได้ขอก่อน อย่าจามใส่หน้าคนอื่น ห้ามถอดเสื้อ อันนี้เข้าใจว่าให้คนจีนอ่านนะ แต่มีแปลภาษาอังกฤษให้คนอื่นอ่านด้วย


ตัวถนนที่นี่นั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีความเป็นชั้นๆลดหลั่นกันไป ดังนั้นการเดินถนนก็จะมีการเดินขึ้นลงเนินตลอด เหนื่อยมากถ้ามาช่วงหน้าร้อน เพราะทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ฉงชิ่งนั้นจะดังเรื่องพริกม๋าล่า ดังนั้นร้านขายพริกนี่มีเรียงรายตลอดถนน เดินผ่านแล้วน้ำหูน้ำตาไหลกันไปหมด


ถ่ายด้วยมือถือเป็นวิดีโอแนวตั้งต้องขออภัยค่ะ แหะๆ

ree

ตลอดทางส่วนมากจะเป็นร้านขายอาหาร และร้านขายของฝาก อาหารอีกแบบที่จะเห็นบ่อยๆคือบะหมี่ข้าว หน้าร้านจะมีคนคอยทำเส้นให้ดูเพื่อเชิญแขกมาชมและรับประทานกัน ตอนนั้นเราเดินผ่านเจ้านึงเป็นคุณลุงทำไปร้องเพลงเรียกแขกไป เราเห็นแล้วประทับใจมากเข้าไปกินเลย

เดินไปกินไปเสร็จเราก็เดินสำรวจร้านค้าต่างๆ ซึ่งไม่ค่อยมีอะไรมาก ส่วนใหญ่ขายพวกของฝาก มีร้านกาแฟเล็กๆให้ขึ้นไปนั่งเล่นได้บ้าง

ree

ข้างในมีวัดให้เข้าชมฟรี เป็นวัดเก่าแก่ เราก็เลยปีนบันไดขึ้นไปสำรวจซะหน่อย แต่ไม่ค่อยมีอะไรมาก บางอาคารก็ปล่อยให้ดูเก่าๆ แต่ตัวอาคารหลักก็ได้มีการปรับปรุงให้ดูสวยงาม

ree
ree
ree

หลังจากเดินชมกันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อ คราวนี้แวะไปถ่ายรูปสวยๆที่



人民大礼堂 ศาลาประชาคม

ree

ที่นี่เราแวะมาถ่ายรูปแค่นั้นจริงๆ เพราะมาถึงก็เย็นแล้ว เค้าไม่ให้คนนอกเข้าไปชมข้างใน รูปด้านบนเป็นตัวประตูก่อนเข้าลานหน้าศาลา

ree

ตัวศาลานั้นสวยงามมาก ดูๆไปจะคล้ายๆกับหอเทียนถันที่ปักกิ่ง (จริงๆคือไปก๊อปเค้ามานั่นแหละ) แต่ศาลานี้ใหญ่กว่าเยอะ บริเวณลานจตุรัสข้างหน้าก็เป็นจุดแฮงก์เอ๊าท์ของเหล่าลุงๆป้าๆ มานั่งเล่นเดินเล่น ออกกำลังกายกันบ้าง ถ้าเรามาตอนเย็นเค้าก็จะเปิดไฟอย่างสวยงามให้เราดูกัน (แต่เราไม่ได้แวะมาตอนกลางคืน เลยไม่มีภาพ)


เมื่อเดินถ่ายรูปกันเสร็จเราก็กลับโรงแรมไปพักผ่อนกันหน่อย อากาศร้อนเหลือเกิน ใกล้ๆโรงแรมเราก็มีจุด check-in อีกจุด นั่นคือ 解放碑 เจียฟ่างเป่ย ซึ่งเป็นอนุสรณ์ระลึกสงครามระหว่างจีนและญี่ปุ่น อยู่ตรงกลางจตุรัส ตรงนี้เป็นถนนคนเดินมีร้านค้าใหญ่เรียงรายตามถนน

ree

ส่วนใหญ่เป็นจุดนัดพบกันของคนในเมือง มีคนนั่งกับเต็มรอบๆอนุสรณ์เลย


จากนั้นเดินไปจากตรงนี้อีกหน่อยจะเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวฉงชิ่ง นั่นคือ


洪崖洞 หงหยาต้ง

ree

เป็นจุด landmark ที่พลาดไม่ได้จริงๆ บอกตรงๆเลยว่าที่แวะมาฉงชิ่งนี่คือตั้งใจมาชมที่นี่โดยเฉพาะ ตัวหงหยาต้งนั้นไม่ได้มีประวัติศาสตร์สำคัญอะไรเป็นพิเศษ เป็นห้างสรรพสินค้าที่สร้างเลียนแบบโรงเตี๊ยมเมืองจีนสมัยก่อน ข้างในจะแบ่งเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นก็จะขายของตามชนิดไป บางชั้นก็เป็นร้านอาหารทั้งชั้นเลย แต่พูดจริงๆ วิวข้างนอกสวยกว่าข้างในเยอะ คนส่วนใหญ่จะเดินขึ้นมาบนสะพานข้ามแม่น้ำเพื่อมาชมวิวจากไกลๆ แล้วถ่ายรูปกัน

ree
ree

เมื่อเราเดินชมกันเสร็จก็ตัดสินใจกินอาหารเย็นกันที่นี่เลย เพื่อนติดใจเรื่องพริกม๋าล่าของที่นี่มาก เราเลยตัดสินใจเลือกร้าน Hotpot หรือ 火锅 หั่วกัว รับประทานอาหารเย็นกัน เราตั้งใจเลือกร้านนี้เพราะวิวสวย รอคิวนานพอสมควรเลย เกือบชั่วโมงนึง

ree

เราสั่งน้ำแบบเผ็ดน้อย แต่เราจิ้มกินไปได้คำเดียวแล้วเลิกเลยจ้า หม้อนี้เป็นหม้อแบบแยกน้ำ เป็นวงนอกกับวงใน วงนอกนี่เผ็ดระเบิด วงในคือแบบจืดๆ เราเลยกินแต่วงใน เพื่อนเราสู้ตาย บอกว่ามาทั้งทีก็ต้องกินให้คุ้ม แต่นางเองก็ไม่ไหว ลวกเนื้อเสร็จก็เอามาจิ้มซอสถั่วลิสงหวานๆจนความเผ็ดมันหายไปหมด

ree

มื้อนี้ทรมานมากจ้า

วันถัดมาเราออกเดินทางไปเมืองเฉิงตูด้วยการนั่งรถไฟไปตั้งแต่เช้า และเข้าเช็คอินที่โรงแรม จุดแรกที่เราต้องการคือไปดูแพนด้า มาที่นี่พลาดไม่ได้เลยจริงๆ ซึ่งจุดชมแพนด้าก็คือ


ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า เมืองเฉิงตู

ree

การเดินทางมาที่นี่นั้นต้องบอกว่าไกลจากตัวเมืองพอสมควร พวกเรานั่งรถแท็กซี่มากันประมาณครึ่งชั่วโมง (แต่เค้ามีพวกรถบัสรับส่งโดยเฉพาะให้ด้วยนะ) คนเยอะมากเพราะเป็นวันเสาร์ ที่นี่พื้นที่กว้างขวางมาก ต้องเดินกันเยอะพอสมควร เค้าจะแยกแพนด้านตามอายุ มีทั้งอยู่ในห้องกับอยู่กลางแจ้ง รอบนี้ที่มาแพนด้าแทบจะไม่ออกมาอยู่ข้างนอกเลยเพราะอากาศร้อนมาก ไปหลบร้อนอยู่ข้างในกันหมด ดังนั้นแนะนำว่าถ้าใครอยากมาต้องมาตอนเช้าๆตอนอากาศยังไม่ค่อยร้อน ถึงจะเห็นแพนด้าออกมาเล่นกัน

ree

ส่วนห้องด้านในที่เปิดให้ชมกันจะเป็นลูกแพนด้านอายุตั้งแต่ไม่กี่ขวบขึ้นไป เราสามารถแวะชมได้ตลอดทาง (ข้างในก็มีรถรับส่งเหมือนกัน แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม พวกเราเลยตัดสินใจเดินกันเอง)

ree

สองตัวนี้ตื่นมาก็เล่นกันใหญ่เลย น่ารักน่าชังมาก จะถ่ายรูปได้ต้องฝ่าฟันกับฝูงชนพอสมควรเลย ทุกคนมุงกันจนตัวกระจกนี่มันหยอง รอยนิ้วมือทุกกระเบียดนิ้ว

ree

เมื่อเราชมแพนด้ายักษ์มาแล้วเราก็ต้องมาชมแพนด้าจิ๋วกันบ้าง นั่นคือเหล่า Red Panda นั่นเอง ในภาษาจีนนั้นเค้าเรียกแพนด้าตัวใหญ่ว่า 大熊猫 นั่นคือแพนด้ายักษ์นั่นเอง (แปลตามตัวคือ หมีแมวตัวใหญ่) แล้วเค้าเรียกพวก Red Panda ว่า 小熊猫 ซึ่งแปลว่าแพนด้าเล็ก แปลกดีเนอะ จริงๆแล้วคนได้ค้นพบเจ้าพวกหมีแดงก่อน พอพบหมีตัวใหญ่จึงได้เปลี่ยนวิธีการเรียก แต่ทางวิทยาศาสตร์แล้วสัตว์ทั้งสองนี่เป็นคนละพันธ์ุเลย แพนด้าแดงนั้นเป็นสัตว์ชนิดเดียวในวงศ์ของตัวเอง ถือว่ามีความเป็นเอกลักษณ์มากจริงๆ

ree

ส่วนตัวแล้วเราชอบเจ้าแพนด้าแดงตัวเล็กนี่มากกว่าแพนด้ายักษ์เยอะเลย เพราะมันดูมีชีวิตชีวา วิ่งเล่นปีนป่ายมองกันแทบไม่ทัน ในขณะที่แพนด้ายักษ์มันกินกะนอนซะส่วนใหญ่

ree

ที่นี่เวลาเรามาชมแพนด้าแดงนั้น เค้าไม่ได้ทำกรงไว้ให้เรามองเข้าไป แต่ให้คนสามารถเดินเข้าไปในกรงยักษ์และปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเดินไปเดินมา ปีนป่ายกันตามอัธยาศัย ส่วนคนก็เดินตามทางที่เค้ากำหนดให้ ให้พวกเราส่องหาแพนด้าแดงกันเอง มีตัวนึงเดินดุ่มๆเข้ามา เกาะต้นไม้ยื่นหน้ามาแอบดูเราด้วย น่ารักมากเลย








 
 
 

Comments


About Me

คนว่างงาน นักกิน นักชิม นักเที่ยว

© 2020 by  CheevitD. Proudly created with Wix.com

bottom of page